“การกลั่นแกล้ง ก็แค่เด็กๆ เล่นกัน”

บทความ bully

“การกลั่นแกล้ง ก็แค่เด็กๆ เล่นกัน”

ยังมีใครคิดแบบนี้อยู่ไหมคะ  วันนี้หมอขอนำเสนอเรื่องการกลั่นแกล้งหรือ bully  โดยจะเน้นไปที่เด็กๆนะคะ เชื่อไหมคะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่การบูลลี่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ มีการเก็บสถิติเกี่ยวกับการบูลลี่ทั่วโลกในปี พ.ศ. 2563   พบว่าประเทศไทยติดอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น  ทุกๆ ครั้งที่มีการบูลลี่เกิดขึ้น  คนที่เราต้องให้ความสำคัญ และดูแลเป็นพิเศษไม่ใช่แค่เด็กที่ถูกรังแก แต่ยังรวมถึงเด็กที่เป็นผู้รังแกด้วย เด็กที่ถูกรังแกอาจได้รับผลกระทบทางจิตใจ ซึมเศร้า แยกตัว ไม่ไปโรงเรียน มีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง  เด็กที่เป็นผู้รังแกอาจได้รับผลกระทบ  เป็นคนเจ้าอารมณ์ ชอบใช้ความรุนแรง ใช้สารเสพติด ทำผิดกฎหมาย
หลักๆ แล้วการกลั่นแกล้งจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่  ทางสังคม เช่น การบอยคอต การทำให้อายในที่สาธารณะทางกายภาพ เช่น ทำร้ายร่างกาย ทุบตี  และทางวาจา  ซึ่งเป็นประเภทที่พบมากที่สุดในโรงเรียน จากการสำรวจพบว่าคำที่คนไทยใช้บูลลี่กันมากที่สุดเป็นเรื่อง รูปลักษณ์ เพศ และความคิดกับทัศนคติ ได้แก่ ไม่สวย, ไม่หล่อ, หน้าเบี้ยว, ขี้เหร่, หน้าหัก, หน้าปลอม, ผอม, เตี้ย, สิว, ดำ, ขาใหญ่, จอแบน, เหยิน, เหม่ง, ตุ๊ด, สายเหลือง, ขุดทอง, กะเทย, โสเภณี, กะหรี่, แมงดา, ชะนี, แรด, หากระโปรงมาใส่, โง่, สลิ่ม, ตลาดล่าง, ปัญญาอ่อน, ต่ำตม, ไดโนเสาร์ เป็นต้น ระดับการศึกษาที่ใช้คำบูลลี่มากที่สุด พบว่าเป็น ระดับมัธยม ในทุกระดับชั้นพบว่าเพื่อนเป็นผู้ใช้คำบูลลี่กันมากที่สุด

ถ้าการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไรดี ?

– ตั้งสติก่อนค่ะ  หมอเชื่อว่าในชีวิตทุกๆคน  ถ้าลองนึกย้อนดูดีๆ  เราก็น่าจะเคยผ่านการถูกบูลลี่มาแล้วบ้าง  หรือบางครั้งก็เป็นคนที่ไปบูลลี่คนอื่นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  หรือบางครั้งเราก็อาจเป็นคนที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้  ทำให้การบูลลี่ยังเกิดขึ้นต่อไป  หากวันนึงสิ่งนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา แม้ว่าเราจพยายามเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบโตมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีเพียงใด ก็ต้องทำใจร่มๆและยอมรับก่อนว่า มันเกิดขึ้นได้  และมันแก้ไขได้
-ฝึกทักษะการปฏิเสธ  เด็กๆ ที่ถูกแกล้งควรถูกสอนให้รู้จักการถูกกลั่นแกล้ง  และไม่ยอมรับการกลั่นแกล้งในทุกรูปแบบ ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงหรือแกล้งกลับ  แต่ให้บอกเพื่อนที่แกล้งด้วยท่าทีจริงจัง  หนักแน่น ว่าตนไม่ชอบให้แกล้ง  แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าแกล้งไม่สำเร็จ  เช่น “ฉันไม่ชอบที่เธอมาว่าแบบนี้นะ”
-ในกรณีที่เด็กเป็นผู้รังแก  ผู้ใหญ่พยายามรับฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก และสอนให้เขารู้ว่าการแกล้งกันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง  หลีกเลี่ยงการลงโทษ ตี ดุด่า
-หากการกลั่นแกล้งรุนแรงมาก  ผู้ใหญ่ต้องให้ความช่วยเหลือ มีการปรึกษาคุณครู จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เพื่อหาทางออกร่วมกัน

การเลี้ยงลูกเชิงบวก
การแก้ปัญหาเด็กถูกบูลลี่คงเกิดขึ้นไม่ได้เลย  หากผู้ปกครองไม่รู้ว่าเด็กกำลังเผชิญกับปัญหาเช่นนี้  บ่อยครั้งที่เด็กๆ เล่าให้หมอฟังว่า  เขาไม่อยากบอกแม่  เพราะกลัวคุณแม่จะเครียด  แสดงว่าลูกก็สังเกตและรับรู้ความทุกข์ของพ่อแม่ได้เหมือนกันนะคะ

1.การเลี้ยงลูกในเชิงบวก  จึงเริ่มต้นจากความมั่นคงในใจของคนเป็นพ่อแม่  ท่าทีที่ใจเย็น  และรับฟัง  เปิดโอกาสที่จะฟังให้เข้าใจมากกว่าสั่งสอนเพียงอย่างเดียว  ย่อมทำให้ลูกมีโอกาสจะเล่าสิ่งต่างๆ ที่เขาประสบมาให้พ่อแม่ฟัง
2.พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี  ไม่มีการบูลลี่กันในบ้าน  ไม่ใช้อารมณ์รุนแรงต่อกัน
3.ฝึกเด็กให้ช่วยตัวเองให้มากที่สุด ส่งเสริมพัฒนาการตามวัยทุกด้าน พัฒนาความสามารถรอบด้านเพื่อเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหา
4.เน้นการพัฒนาด้านอารมณ์ เพื่อให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึก ความต้องการของตนเอง และผู้อื่น(emotional understanding) หัดปรับและควบคุมอารมณ์ด้วยตนเอง ปรับตัวเข้ากับ คนอื่นได้เหมาะสม เล่นกับผู้อื่นได้ภายใต้กติกาเดียวกัน ซึ่งจะลดการรังแกผู้อื่นหรือตกเป็นผู้ถูกรังแกได้
5.การสื่อสาร ฝึกการเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต หัดเล่านิทาน เปิดโอกาสให้พูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับ อารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการของตนเอง และบุคคลที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดเหตุการณ์  โดยเฉพาะการเล่าเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดหรือเหตุการณ์รังแกกัน
6.ฝึกการควบคุมตนเอง คุมอารมณ์ให้เหมาะสมภายใต้กติกา
7.ฝึกให้ช่วยเหลือผู้อื่น สร้างพฤติกรรมเอื้อสังคม (prosocial behavior) เน้นการ ไม่ยอมรับการรังแกกันทุกรูปแบบ เช่น ล้อเลียน การตั้งสมญานามให้เด็ก หรือมีพฤติกรรมรังแกด้านร่างกายแม้จะคิดว่าเป็นการ หยอกล้อก็ตาม

ขอขอบคุณที่มาจาก
-คู่มือปฏิบัติสำหรับการดำเนินการป้องกันและจัดการการรังแกกันในโรงเรียน โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
-บทความเรื่อง การรังแกในเด็กและวัยรุ่น โดย ร.อ.หญิง พญ.เขมิกา เขมะกนก สุดนาวา, รศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ และ ผศ.พญ.จริยา ทะรักษา

เรียบเรียงโดย อ.พญ.อภิสรา สุวรรณประทีป

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *